วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การทำประโยคปฏิเสธ - คำถาม
ถ้าประโยคใดไม่มีคำกริยา is, am, are, was, were, have, has, had, will, would, shall, should, can, could, may, might, must, ought to, used to ให้ใช้ do, does, did มาช่วยเสมอ
ประธานพหูพจน์ (ยกเว้น I, You) ตามด้วยกริยาช่อง 1 ใช้ do not, don’t
ประธานเอกพจน์ตามด้วยกริยาช่อง 1 เติม s, es ใช้ does not, doesn’t
Subject + V.2 ให้นำ didn’t มาใช้แทน V.2 (Past) ในประโยคแล้วเปลี่ยน V.2 เป็น V.1 = didn’t + V.1 เสมอ ต้องจำไว้เสมอว่ากริยาตามหลัง doesn’t และ didn’t ต้องเป็นกริยาช่อง 1 เท่านั้นจะไม่มีรูปเติม s, es หรือ รูปช่อง 2 ใดๆ เช่น
I know.                                 I don’t know.                                     Do I know?
He knows.                            He doesn’t know.                               Does he know?
They go.                               They don’t go.                                   Do they go?
She goes.                              She doesn’t go.                                  Does she go?
You like.                              You don’t like.                                   Do you like?
Mongkol likes.                    Mongkol doesn’t like.                         Does Mongkol like?
I went.                                   I didn’t go.                                        Did I go?
We came.                             We didn’t come.                                Did we come?
He wrote.                             He didn’t write.                                  Did he write?
She bought.                         She didn’t buy.                                   Did she buy?
You sat.                               You didn’t sit.                                    Did you sit?
It bit.                                    It didn’t bite.                                       Did it bite?
I spoke.                                I didn’t speak.                                     Did I speak?       
They played.                       They didn’t play.                               Did they play?

สังเกตได้ชัดว่า กริยาหลัง don’t, doesn’t, didn’t เป็นกริยาช่อง 1 (Infinitive) เท่านั้น และในคำถามเราใช้ Do, Does, Did วางไว้หน้าและกริยาที่ตามเป็นกริยาช่อง 1 คือ กริยาที่ไม่เติมและไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ 

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

พูดแค่ up to you จริง ๆ แล้วไม่เวิร์ค!

          ติดปากคนไทยมาเนิ่นนานกับการพูดว่า UP TO YOU , บางคนนี่หนักหน่อย พูดว่า up to you na. (บอกแล้วใช่มั้ยว่า พยายามอย่าพิมพ์ไทยใส่ไปด้วย ในช่วงฝึกภาษาใหม่ ๆ มันทำให้สับสน สมองคุณไม่แยกแยะ!) ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ส่วนมากจะต้องระบุ ประธาน กริยา กรรม ให้ครบ เกือบทุกครั้ง โดยเฉพาะประธาน โดยมากเค้าไม่เว้นไว้เหมือนภาษาไทย ที่ชอบพูดกันแบบละประธานไว้ในฐานที่เข้าใจ

          โอเค It’s up to you. ความหมายก็คือ “ก็แล้วแต่คุณ” , “ขึ้นอยู่กับแกเลย” อะไรประมาณนี้ แต่การพูด up to you โดยไม่มี It’s นำหน้า ผมว่าไม่ถูกสักเท่าไหร่ ถ้าให้แปลเป็นไทยก็ประมาณว่า “แต่คุณ” , “กับแก” ไรเงี๊ย เข้าใจป้ะ มันไม่ครบ จึงอยากจะฝากเพื่อน ๆ ให้พูด It’s up to you นะจ้ะ

           หลายคนเถียง แต่นู๋/ผม เคยได้ยินฝรั่งพูด up to you เฉย ๆ นะคะ? จริงอยู่เป็นไปได้แต่น้อยมาก หรือบางครั้งหูคุณนั่นแหละ เพี้ยนเองครับ อาจจะฟัง It’s… ไม่ทันด้วยซ้ำ คำที่เข้าหูคุณเลยได้ยินเพียง up to you. แล้วทึกทักเอาเองมากกว่า (หนอยแน่ะ เนียน!)

           เสริม : ภาษาอังกฤษบางทีการที่เราพูด It’s แทน It is ในเชิงความหมายมันก็แอบแตกต่างนิดหน่อยเหมือนกันนะ ดูที่ผมแปลเอาละกัน
  It’s up to you. (ก็แล้วแต่คุณนะ)
  It is up to you. (มันก็แล้วแต่คุณนะ)

พอเข้าใจอ้ะยัง (understand it better people?)


Source : Up to you